fbpx

หมอนรองกระดูกเสื่อม / Degenerative disc มีกี่ระยะ และ อาการเป็นอย่างไร

หมอนรองกระดูกเสื่อม,มีกี่ระยะ,degenerative disc, Greenbell Clinic

โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ หรือกำลังอยู่ในวัยทำงาน โดยหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกในระยะเวลานานๆ ซึ่งสามารถแบ่งระยะการเสื่อมได้เป็นหลายระยะ

อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา อาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อ และความผิดปกติของระบบขับถ่าย

เพื่อให้ทราบถึงระยะการเสื่อมและอาการที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

สิ่งที่ควรจำ:

  • โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก
  • อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา
  • ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพอาจช่วยลดอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม
  • คลินิกกายภาพบำบัดกรีนเบลล์มีบริการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม

ภาพรวมโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม

โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากการเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก โรคนี้มักเกิดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 25 ปี และในผู้ที่มีการยกของหนัก หรือ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่นการนั่งทำงานนานเป็นต้น

การทำความเข้าใจหมอนรองกระดูกเสื่อม

หมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากความเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกในระยะเวลานานๆ ซึ่งสามารถแบ่งระยะการเสื่อมได้เป็นหลายระยะ อาการที่พบอาจได้แก่ปวดหลังรอบคอและเอว ร้าวมาสู่แขนและขา อาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อ และความผิดปกติของระบบขับถ่าย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่หมอนรองกระดูกเสื่อม

หลายสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม สำคัญได้แก่อายุที่เพิ่มขึ้น การใช้งานหนักในชีวิตประจำวัน และปัจจัยอื่นเช่นน้ำหนักเกิน การนั่งหรือยืนนานๆ

ระยะของการเสื่อมของหมอนรองกระดูก

โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมถือเป็นโรคที่มีอายุมากขึ้นเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน และระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสามารถแบ่งได้เป็นหลายระยะ โดยระยะแรกของการเสื่อมจะไม่แสดงอาการชัดเจน แต่เมื่อโรคเสื่อมถึงระยะที่รุนแรงขึ้น ผู้ปวดจะมีอาการปวดรุนแรง และอาจกระจายไปยังแขนและขา

การวัดระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการวินิจฉัยโรค เนื่องจากการตรวจในการทางคลินิกมักใช้วิธีการตรวจต่างๆ เช่น CT scan หรือ MRI ในการตรวจสอบระยะการเสื่อมของหมอนรองกระดูก

หมอนรองกระดูกเสื่อม,มีกี่ระยะ,degenerative disc, Greenbell Clinic

อาการของหมอนรองกระดูกเสื่อม

หมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถแสดงอาการที่หลากหลายได้ แต่อาการที่พบได้บ่อย ๆ ประกอบไปด้วย:

อาการที่พบได้บ่อยของหมอนรองกระดูกเสื่อม

  • ปวดหลังที่มีลักษณะเจาะจง
  • เจ็บปวดรอบต้นคอและเอว
  • รู้สึกร้อนหรือเผลอชาต่อเนื่อง
  • อาการตกแต่งท้ายที่ขา
  • การรู้สึกชาตามลำแสงเส้นประสาท
  • ความผิดปกติที่รวมถึงต้นขา

ผลกระทบจากการมีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม

การมีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและกิจกรรมประจำวันได้ อาการเจ็บปวดรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยมีความทุกข์ทรมานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการมีผลกระทบต่อการทำงาน การเล่นกีฬา และความสุขในชีวิตประจำวัน

การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม

การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาโรคและการวางแผนการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย โดยวิธีการวินิจฉัยสามารถแบ่งออกเป็นหลายวิธีตามความเหมาะสมและระดับของอาการ

ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รับเคสของผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม วิธีการตรวจร่างกายอาจรวมถึงการตรวจประวัติการเจ็บป่วยของผู้ป่วย เพื่อสะท้อนข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอาการที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น มีอาการปวดหลังในประวัติคนในครอบครัว หรือเคยได้รับการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับระบบกระดูกเป็นต้น

นอกจากนี้ การตรวจร่างกายฟิสิกส์อาจนำเสนอข้อมูลที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมได้อย่างเพิ่มประสิทธิภาพ โดยผู้แพทย์อาจทำการตรวจวัดความเข้มแข็งของกล้ามเนื้อรอบๆ หมอนรองกระดูก หรือทำการตรวจสอบความยืดหยุ่นของข้อต่อในบริเวณที่มีอาการปวดเส้นประสาท

นอกจากนี้ การส่งเคสผ่านภาพวินิจฉัย เช่น X-ray, CT scan หรือ MRI อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยในการพิจารณาประเมินและวินิจฉัยภาพร่างกายเพิ่มเติม ซึ่งภาพร่างกายเหล่านี้จะช่วยในการตรวจสอบจุดอ่อนหรือความผิดปกติของหมอนรองกระดูกที่อาจไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

หมอนรองกระดูกเสื่อม,มีกี่ระยะ,degenerative disc, Greenbell Clinic

การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม

วิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด

การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดอาจมีดังนี้:

  1. การใช้ยารักษาอาการปวด: ยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบสามารถช่วยบรรเทาอาการปวด
  2. การทำกายภาพบำบัด: กายภาพบำบัดช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
  3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: เปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดความเครียดในส่วนหลัง เช่น ปรับท่านั่ง-ยืน การยกของหนัก และใช้หมอนที่เหมาะสม

การผ่าตัดรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม

สำหรับกรณีที่การรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดไม่ได้ผล หรืออาการหมอนรองกระดูกเสื่อมมีความรุนแรงมาก การผ่าตัดอาจจำเป็นเพื่อรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมให้ดีขึ้น

โรคกระดูกพรุนกับหมอนรองกระดูกเสื่อม

โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และมีอาการคอและหลังปวด อาการของโรคกระดูกพรุนอาจแตกต่างกันไปได้เช่นการเคลื่อนไหวที่หลุดมากกว่าปกติ อาการรู้สึกไม่สม่ำเสมอในการเดินหรือยืน และความบกพร่องในการทำกิจกรรมประจำวัน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อม

แนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อมและบรรเทาอาการ องค์กรอนาคตการแพทย์แห่งชาติกำหนดแนวทางผลการทำงานที่แนะนำสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ดีกว่า นี่จะประกอบไปด้วยการปรับท่านั่ง-ยืนให้ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อลดการกดทับและความตึงเครียดในส่วนหลัง การปรับการยกของหนักให้ถูกวิธีและใช้เครื่องมือช่วยที่เหมาะสม เพื่อลดการเอนหลัง การปรับพฤติกรรมการนอนให้ถูกต้อง เช่น ใช้หมอนที่รองรับรูปร่างของคอและหลังให้เหมาะสม และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและระบบกล้ามเนื้อที่ยั่งยืน เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและสามารถส่งเสริมสุขภาพหลังที่ดีได้

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพหลังที่ดี

การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการบรรเทาอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมและเสริมสุขภาพหลังที่ดี การออกกำลังกายสามารถจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่แข็งแรงดีขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและป้องกันการเสื่อมของหมอนรองกระดูก การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพหลังหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถทำได้โดยเลือกวิธีการที่เหมาะสมในที่มีความเสี่ยงต่อผู้ป่วยและกำลังที่ผู้ป่วยสามารถทำได้ เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เป็นต้น

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการออกกำลังกายสำหรับสุขภาพหลัง
  • ปรับท่านั่ง-ยืนให้ถูกต้องและเหมาะสม
  • ปรับการยกของหนักให้ถูกวิธีและใช้เครื่องมือช่วยที่เหมาะสม
  • ปรับพฤติกรรมการนอนให้ถูกต้อง
  • ออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น กล้ามเนื้อแบริเวอร์ การยืดเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

ขั้นตอนการทำ Bird Dog Exercise

  1. เริ่มต้นที่ท่าเริ่มต้น:

    • คุกเข่าและวางมือทั้งสองข้างลงกับพื้น (ท่าคลาน) โดยให้มืออยู่ใต้หัวไหล่และเข่าอยู่ใต้สะโพก
    • ควรให้หลังตรง ไม่งอหรือโค้ง
  2. ยกแขนและขา:

    • ยกแขนขวาขึ้นตรงไปข้างหน้า และยกขาซ้ายขึ้นตรงไปข้างหลัง ควรให้แขนและขาอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว
    • ค้างในท่านี้ประมาณ 2-3 วินาที
  3. กลับสู่ท่าเริ่มต้น:

    • ลดแขนและขาลงกลับสู่ท่าเริ่มต้นอย่างช้า ๆ และควบคุมการเคลื่อนไหว
  4. ทำซ้ำ:

    • ทำซ้ำในข้างตรงข้าม โดยยกแขนซ้ายและขาขวาขึ้น
    • ทำซ้ำข้างละ 10-15 ครั้ง ตามความสามารถของคุณ

ขั้นตอนการทำ Load Lateral Flexion

  1. เตรียมตัว:

    • ยืนตัวตรง แยกเท้าประมาณความกว้างของไหล่
    • ถือดัมเบลหรือเคตเทิลเบลในมือข้างหนึ่ง โดยให้แขนเหยียดตรงลงข้างลำตัว
  2. เริ่มการเคลื่อนไหว:

    • งอลำตัวไปทางด้านที่ถือดัมเบล ให้ลำตัวขยับลงข้างลำตัว
    • ให้แน่ใจว่าลำตัวงอไปด้านข้างโดยตรง โดยไม่ให้มีการบิดหรือหมุนของลำตัว
  3. กลับสู่ท่าเริ่มต้น:

    • งอลำตัวกลับขึ้นสู่ตำแหน่งเริ่มต้นอย่างช้าๆ และควบคุมการเคลื่อนไหว
    • กลับมาท่ายืนตรงอีกครั้ง
  4. ทำซ้ำ:

    • ทำซ้ำการเคลื่อนไหวนี้ในข้างเดียวกัน 10-15 ครั้ง ตามความสามารถ
    • เปลี่ยนมือและทำซ้ำการเคลื่อนไหวในข้างตรงข้าม

ขั้นตอนการทำ Plank with Hip Dips

  1. เตรียมตัวในท่า Plank

    • เริ่มต้นในท่า Plank โดยวางปลายเท้าทั้งสองข้างและข้อศอกทั้งสองข้างลงบนพื้น
    • รักษาร่างกายให้อยู่ในแนวตรงจากศีรษะถึงปลายเท้า โดยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องและก้นเกร็งตัวไว้
    • ข้อศอกควรอยู่ตรงกับไหล่และเท้ากว้างเท่าช่วงสะโพก
  2. ทำการ Hip Dip

    • ค่อยๆ หมุนสะโพกไปทางด้านขวา โดยให้สะโพกเกือบแตะพื้น (แต่ไม่แตะ)
    • กลับสู่ท่า Plank ตรงกลาง
    • ทำซ้ำกับการหมุนสะโพกไปทางด้านซ้าย
  3. ทำซ้ำ

    • ทำซ้ำการเคลื่อนไหวนี้ 10-15 ครั้งต่อข้าง หรือเท่าที่คุณสามารถทำได้โดยไม่รู้สึกเจ็บหรือเมื่อยล้าเกินไป
    • ควรรักษาการเคลื่อนไหวช้าๆ และควบคุมกล้ามเนื้อให้มั่นคงตลอดการออกกำลังกาย

ขั้นตอนการทำ Cat-Cow Exercise

1. เตรียมตัว

  • เริ่มต้นในท่าคลาน โดยวางมือและเข่าลงบนพื้น
  • ให้มืออยู่ใต้หัวไหล่และเข่าอยู่ใต้สะโพก

2. ท่า Cat (Marjaryasana)

  • หายใจออก เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องและโค้งหลังขึ้น คล้ายๆ กับแมวที่กำลังขู่
  • ยกกระดูกสันหลังขึ้น และก้มศีรษะลงมาที่อก
  • ค้างท่านี้ประมาณ 2-3 วินาที

3. ท่า Cow (Bitilasana)

  • หายใจเข้า ปล่อยหน้าท้องลงและยกศีรษะและสะโพกขึ้น
  • ให้หลังส่วนล่างโค้งลงและหน้าอกยื่นไปข้างหน้า
  • ค้างท่านี้ประมาณ 2-3 วินาที

4. สลับทำท่า Cat และ Cow

  • ทำซ้ำการเคลื่อนไหวจากท่า Cat ไปยังท่า Cow อย่างช้าๆ และควบคุมการหายใจ
  • ทำซ้ำท่านี้ 10-15 ครั้ง หรือจนกว่าจะรู้สึกว่ากระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อหลังได้รับการยืดเส้นอย่างเพียงพอ

บริการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อมที่คลินิกกายภาพบำบัดกรีนเบลล์

คลินิกกายภาพบำบัดกรีนเบลล์ เสนอบริการรักษาและดูแลผู้ที่มีโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม ด้วยวิธีการทางกายภาพบำบัดที่ได้รับการรับรองและชำระเบียร์จากหน่วยงานด้านสุขภาพ

ทางคลินิกได้รับการรับรองและได้รับการสนับสนุนจากนักกายภาพบำบัดมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาและดูแลผู้ที่มีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม โดยการใช้เทคนิคตรวจวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพและมีความแม่นยำสูง

หากคุณสนใจเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษาเรื่องโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม คลินิกกายภาพบำบัดกรีนเบลล์มีทีมแพทย์คอยให้คำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 020964698 หรือติดต่อผ่าน LINE OA: @greenbell

Start Your Therapy Now

Take the first step towards revitalized health and well-being! Schedule your appointment with Greenbell Medical Clinic and embark on a path to optimal wellness.