ภาวะเจ็บโคนขาหนีบเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เจ็บโคนขาหนีบสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเคลื่อนไหวร่างกายที่หนักหรือกีฬาที่เป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อขาบวมและเจ็บแสบได้
ถึงแม้ว่าภาวะ ปวดโคนขาหนีบ จะพบได้ในผู้หญิงอย่างมาก แต่ก็มีวิธีการดูแลและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะพูดถึงสาเหตุของภาวะเจ็บโคนขาหนีบ อาการที่เกิดขึ้น วิธีการวินิจฉัย รวมถึงแนวทางการรักษาและป้องกันภาวะเจ็บโคนขาหนีบในผู้หญิง
สิ่งที่ควรจำ:
- ภาวะเจ็บโคนขาหนีบมักพบได้บ่อยในผู้หญิง
- การเคลื่อนไหวร่างกายที่หนักและกีฬาเป็นสาเหตุหลักของภาวะเจ็บโคนขาหนีบ
- อาการเจ็บโคนขาหนีบรวมถึงบวมและเจ็บแสบของกล้ามเนื้อขา
- การวินิจฉัยจำเป็นในการตรวจสอบด้วยวิธีแสดงอัลตราซาวน์และทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- วิธีการดูแลและป้องกันเจ็บโคนขาหนีบรวมถึงการฟื้นฟูกายภาพให้กับขาหลังเจ็บโคน
ขาหนีบ คืออะไร
ในกายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์ ขาหนีบหรือที่เรียกว่าบริเวณขาหนีบหรือบริเวณอุ้งเชิงกราน เป็นบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างลำตัวและต้นขา ขาหนีบอยู่ที่ด้านหน้าของร่างกายทั้งสองข้างของหัวหน่าว โดยที่ส่วนล่างของผนังช่องท้องบรรจบกับต้นขา รอยพับหรือรอยพับเกิดขึ้นที่ทางแยกนี้เรียกว่าร่องขาหนีบหรือรอยพับ นี่เป็นบริเวณช่องตรงกลางของต้นขาที่มีสิ่งที่แนบมาของกล้ามเนื้อ adductor ของสะโพกหรือกล้ามเนื้อขาหนีบ ขาหนีบเป็นบริเวณที่พบบ่อยสำหรับไส้เลื่อน ขาหนีบ มีความยืดหยุ่นสูงและเป็นที่สะสมไขมันได้ง่าย แต่ลดไขมันในบริเวณนี้ทำได้ค่อนข้างยาก มักส่งผลให้เกิดการเสียดสี ขาหนีบอ่อนเป็นสีดำคล้ำ มีรอยแดงหรือแผลที่เกิดขึ้นได้
อาการปวดขาหนีบเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อมีการบิดและยืดเกินขอบเขตของข้อต่อของเข่า ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ปัจจัยหลายอย่างอาจทำให้เกิดขาหนีบ เช่น การเกิดการบาดเจ็บจากกีฬาหรือการฝึกซ้อมที่ไม่ถูกต้อง และภาวะกล้ามเนื้อขาหนีบอ่อนแรง
ปวดขาหนีบเกิดจากสาเหตุใด
การประเมินอาการปวดขาหนีบอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนสำหรับแพทย์ เนื่องจากมีโครงสร้างมากมายอยู่ใกล้กัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะถอดรหัสว่าต้นตอของปัญหาคืออะไร เพื่อที่จะสามารถช่วยให้รักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ อาจผ่านการตรวจอย่างละเอียด ต้องแยกแยะสาเหตุที่เป็นไปได้ทั้งหมด
เนื่องจาก การปวดขาหนีบเกิดได้จากหลายสาเหตุที่แตกต่างกัน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปวดขาหนีบได้คือการบาดเจ็บจากการกีฬาหรือกิจกรรมทางกายภาพที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรงเช่น การเล่นกีฬา เดินลุยป่า เดินปกติในวิถีชีวิตประจำวัน หรือการกระโดดลงเนิน อีกสาเหตุหนึ่งคือภาวะการยืดหรือฉีกขาดของเอ็น (ligament) ที่เป็นเส้นใยอ่อนแรงที่เชื่อมต่อกันระหว่างกระดูก ซึ่งอาจเกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกายที่รุนแรงเกินไปหรืออาจเกิดขึ้นเนื่องจากการบิดเบี้ยวในลักษณะที่ไม่ปกติ สำหรับภาวะการยืดหรือฉีกขาดของเอ็น การบาดเจ็บนั้นสามารถเกิดได้ทั้งในขาหน้าและขาหลัง โดยอาจเกิดขึ้นในส่วนต่างๆของขา เช่น เข่า เข่าเท้า หรือข้อต่ออื่นๆ
การจัดหมวดหมู่สาเหตุของความเจ็บปวด
- อาการปวดขาหนีบที่เกี่ยวข้องกับ Adductor
- อาการปวดขาหนีบที่เกี่ยวข้องกับ Iliopsoas
- อาการปวดขาหนีบที่เกี่ยวข้องกับขาหนีบ
- อาการปวดขาหนีบที่เกี่ยวข้องกับหัวหน่าว
- อาการปวดขาหนีบที่เกี่ยวข้องกับสะโพก
นี่เป็นวิธีที่กระชับเพื่อช่วยในการจัดการการวินิจฉัยแยกปัญหาอาการขาหนีบ และเริ่มใช้การประเมินเพื่อแยกแยะบางหมวดหมู่
สาเหตุการบาดเจ็บ | อธิบาย |
---|---|
การกีฬา | การตีกอล์ฟ, เทนนิส, ฟุตบอล, วิ่งเร็ว เป็นต้น |
ภาวะการยืดหรือฉีกขาดของเอ็น | การเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไปหรือการบิดเบี้ยวที่ไม่ปกติในลักษณะหนึ่ง |
อาการ เจ็บโคนขาหนีบ
เมื่อประสบการณ์ที่เจ็บโคนขาหนีบ อาการที่พบอาจแตกต่างไปตามระดับความรุนแรงของเจ็บ อาการที่พบอาจรวมถึง:
- ปวดรุนแรงหรืออ่อนเพลียในพื้นรอบๆ เข่า โคนต้นขา หรืออ้าปากช่องร่องของพุงขา
- รู้สึกอึดอัดหรือมีความเครียดในเข่าหรือขา
- รู้สึกความอ่อนแรงหรือมีความไม่สบายในขา หรือในบาดแผลเจ็บของเจ็บโคน
- บวมหรือบิดเบี้ยวของขากับเข่าได้
- รับรู้ความกะทัดรัดในการเคลื่อนไหวหรือฟื้นตัวหลังจากนอนหรือนั่งเป็นเวลานาน
- ทำงานและกิจวัตรปกติยากลำบาก เช่น เดินหรือวิ่ง
- ความรู้สึกไม่สบายหรือไม่สามารถใช้ขาเหมือนเดิม
การรับรู้ถึงอาการเจ็บโคนขาหนีบและการบ่งชี้ไปยังอาการเจ็บโคนยังหลากหลายขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของเจ็บ และบุคคลส่วนบุคคลที่ประสบปัญหานี้
ระดับความรุนแรงของเจ็บโคน | อาการ |
---|---|
ระดับเบา | ปวดเล็กน้อย ไม่มีบวมหรือบิดเบี้ยว สามารถทำกิจวัตรปกติได้ |
ระดับปานกลาง | ปวดรุนแรงหรืออ่อนเพลียในพื้นรอบๆ เข่า มีบวมหรือบิดเบี้ยวเล็กน้อย มีความกะทัดรัดในการเคลื่อนไหวหรือการทำงานที่ใช้แขนขา อาจทำงานต่อเนื่องได้ไม่นาน หรือต้องพักผ่อนบ่อยๆ |
ระดับรุนแรง | ปวดรุนแรงมาก มีบวมหรือบิดเบี้ยวมาก รับรู้ความกะทัดรัดและมีความยากลำบากในการเคลื่อนไหว ต้องพักผ่อนสักระยะเพื่อให้ผู้ป่วยกายภาพฟื้นตัว |
ปวดขาหนีบ: เสี่ยงโรคอะไรบ้าง
ในบทความนี้เราจะพูดถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดขาหนีบเพิ่มเติม นอกจากอาการปวดขาหนีบเองที่เป็นอาการที่พบบ่อยเมื่อมีการเจ็บขาหนีบ ยังมีโรคไส้เลื่อนและการอักเสบของกล้ามเนื้อที่อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการปวดขาหนีบได้
โรคไส้เลื่อน
โรคไส้เลื่อนเป็นโรคที่เกิดจากการขยับตำแหน่งของไส้ใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดขาหนีบในบางครั้ง อาการปวดนี้เกิดจากการที่ไส้เลื่อนกดและกัดกลืนข้อของเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง อาการของโรคไส้เลื่อนประกอบด้วยอาการปวดท้อง, ปัสสาวะรบกวน, มีเลือดในอุจจาระและอาการปวดขาหนีบ
การอักเสบของกล้ามเนื้อ
การอักเสบของกล้ามเนื้ออาจเป็นสาเหตุของอาการปวดขาหนีบในบางครั้ง การอักเสบนี้สามารถเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหรืออาจเป็นผลจากภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นในระยะยาว อาการปวดขาหนีบที่เกิดจากการอักเสบกล้ามเนื้ออาจมีลักษณะคล้ายกับการอักเสบของเส้นประสาท โดยมีความเจ็บปวดบริเวณที่เส้นประสาทถูกกระแทกหรืออักเสบ
ปวดขาหนีบ ในผู้หญิง เจ็บโคนขาหนีบ ผู้หญิง
ในส่วนนี้จะอธิบายเกี่ยวกับปวดขาหนีบในผู้หญิง โดยเฉพาะเจ็บโคนขาหนีบหลังคลอด และโรคเกี่ยวข้องกับสตรีที่เกิดจากปวดขาหนีบ
ปวดขาหนีบ..แบบไหนที่ต้องพบแพทย์
เมื่อคุณปวดขาหนีบและไม่รู้ว่าควรปวดไปแบบไหนแล้วควรพบแพทย์ สิ่งสำคัญที่คุณควรทราบคือ การปวดขาหนีบที่เกิดขึ้นจากการบาดเจ็บส่วนใดส่วนหนึ่งของขาและมีอาการรุนแรงอาจต้องพบแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
ในบางกรณีที่คุณปวดขาหนีบอย่างรุนแรง อาจจำเป็นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อการทำคลายกล้ามเนื้อหรือศัลยกรรม ดังนั้น ถ้าคุณปวดขาหนีบและอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์โดยเร็ว
อีกทั้ง ถ้าคุณปวดขาหนีบเป็นเวลานานและมีอาการที่รุนแรงขึ้น พบแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
การปวดขาหนีบที่ควรพบแพทย์ได้แก่:
- กรณีที่อาการปวดรุนแรงและไม่ดีขึ้นเมื่อพักผ่อนเพียงพอแล้ว
- กรณีที่มีอาการบวมช้ำหรือผิดรูปอย่างรุนแรง
- กรณีที่มีปัญหาหรือไม่สามารถแบกรับน้ำหนักที่ขาที่ได้รับผลกระทบได้
- กรณีที่สูญเสียความรู้สึกหรืออ่อนแรงที่ขา
- กรณีที่สีผิวหรืออุณหภูมิของขาที่ได้รับผลกระทบเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับขาอีกข้างหนึ่ง
การพบแพทย์ในกรณีเหล่านี้จะช่วยในการวินิจฉัยและกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมเพื่อให้คุณกลับสู่สภาพปกติและลดอาการปวดหนีบขาอย่างรวดเร็ว
การวินิจฉัยอาการปวดขาหนีบ
สำหรับการวินิจฉัยปวดขาหนีบ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อประเมินและวินิจฉัยสาเหตุของอาการปวดขาหนีบอย่างแม่นยำ รวมถึงการหาคำตอบสำหรับศักยภาพและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดอาการนี้
เช่นเคย การประเมินเชิงอัตนัยอย่างละเอียดเป็นส่วนสำคัญในการรักษาอาการปวดขาหนีบให้ประสบความสำเร็จ มีอาการเฉพาะบางอย่างสำหรับอาการปวดขาหนีบที่นักกายภาพบำบัดต้องการทราบจากการตรวจร่างกาย ในนัดหมายครั้งแรก นอกจากบริเวณที่ปวด ประเภทของอาการ ความลึก และ Level ของความเจ็บปวดแล้ว ต้องตรวจให้ทราบว่ามีอาการอื่นๆ อีกหรือไม่ เช่น คลิก แน่น หรือไม่มั่นคง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุระหว่าง 9-14 ปี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับความเข้มข้นและธรรมชาติของกิจกรรมในปัจจุบัน และการเคลื่อนไหวเฉพาะด้านกีฬาใดๆ ที่ทำให้รุนแรงขึ้น การซักประวัติอย่างละเอียดในช่วงแรกจะช่วยในการเริ่มต้นวางแผนการรักษาและเป็นแนวทางในการประเมินอาการได้อย่างแม่นยำ
การคลำหาจุดปวด
การคลำบริเวณสะโพกและขาหนีบอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก ประการแรก บริเวณ adductor มักจะเป็นบริเวณที่อ่อนไหว และการแยกความแตกต่างระหว่างโครงสร้างในบริเวณนั้นอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายสำหรับแพทย์ หรือนักกายภาพ ที่ไม่ค่อยจะมีประสปการณ์การรักษาอาการปวดขาหนีบมากนัก อย่างไรก็ตาม ใช้การคลำหาจุดที่มาของความเจ็บปวด (โดยเฉพาะอาการปวดขาหนีบที่เกี่ยวข้องกับ adductor) ร่วมกับการตรวจอื่นๆ การคลำอาจส่งผลต่อการเห็นปัญหาทางคลินิกได้ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การคลำไม่สามารถช่วยแยกแยะอาการปวดขาหนีบบางประเภทได้
Flexion-ADduction-Internal Rotation (FADIR) เป็นเครื่องมือคัดกรอง
FADIR มีประโยชน์ทางการแพทย์ในการวินิจฉัยว่าสะโพกเป็นสาเหตุของอาการปวดขาหนีบ คือถ้า FADIR เป็นลบ เราก็สรุปได้ว่าสะโพกคงไม่ใช่ต้นตอของความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม หาก FADIR เป็นบวก ก็ไม่ได้หมายความว่าสะโพกจะเป็นเหตุเสมอไป FADIR สามารถบีบอัดเนื้อเยื่อต่างๆ ได้จำนวนหนึ่ง เช่น iliopsoas โดยพื้นฐานแล้ว หากคุณได้รับ FADIR ที่เป็นลบ สะโพกก็อาจจะตกลงไปที่ด้านล่างของรายการลำดับความสำคัญจนกว่าจะพิสูจน์เป็นอย่างอื่น แต่ถ้าคุณได้รับ FADIR เชิงบวก ก็ถึงเวลาที่จะต้องพิจารณาให้ลึกลงไปอีก
Eccentric testing
เราทุกคนรู้วิธีการทดสอบไอโซเมตริกแบบต้านทานเพื่อกระตุ้นความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม การทดสอบความแข็งแรงเยื้องศูนย์สำหรับกล้ามเนื้อสะโพกอาจดีกว่าเพื่อแยกแยะสาเหตุของอาการปวดขาหนีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดมานาน
Lateral Weight Transfer ประเมินการถ่ายน้ำหนัก
การประเมินความสามารถของคนไข้ในการถ่ายโอนน้ำหนักไปด้านข้างเป็นสิ่งสำคัญ นักกีฬาที่มีอาการปวดขาหนีบที่เล่นกีฬาที่วิ่งเยอะ (เช่น รักบี้ ฟุตบอล บาสเก็ตบอล ฯลฯ) มีการเปลี่ยนแปลงการควบคุมอุ้งเชิงกรานในระนาบโคโรนาล การทดสอบอาจเกี่ยวข้องกับการวัดการเคลื่อนไหวของกระดูกเชิงกรานด้านข้าง เช่น การนั่งทดสอบการยองขาข้างเดียว ลูกค้าของคุณจะต้องสามารถรักษาความมั่นคงของอุ้งเชิงกรานได้ดีเมื่อเคลื่อนที่ไปด้านข้าง หากพวกคนไข้ไม่สามารถทำได้ อาจจะต้องประเมินและให้ความสำคัญในปัญหาเหล่านี้
การทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทำได้โดยการใช้เทคนิคทางกายภาพ เช่นการทดสอบความรู้สึก การวัดความสามารถในการดันและดึงของกล้ามเนื้อ ทางการแพทย์จะใช้ผลของการทดสอบเหล่านี้เพื่อประเมินระดับของสภาวะขาหนีบ และช่วยในการวินิจฉัยต่อปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้ออย่างแม่นยำ
การสแกนด้วยอัลตราซาวน์
สแกนด้วยอัลตราซาวน์เป็นเทคนิคที่ใช้ในการวินิจฉัยปวดขาหนีบได้อย่างแม่นยำ อัลตราซาวน์สามารถสร้างภาพของโครงสร้างภายในร่างกายเช่น กล้ามเนื้อ หลอดเลือด และเนื้อเยื่ออื่นๆ ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับขาหนีบได้แบบละเอียด
วิธีรักษาอาการปวดขาหนีบ
การรักษาอาการปวดขาหนีบมีหลายวิธีที่สามารถใช้ได้ เพื่อช่วยให้คุณกลับสู่สภาวะที่ดีขึ้นได้โดยรวดเร็ว
การประคบเย็นและการพักผ่อน
การประคบเย็นมีประโยชน์ในการลดอาการปวดและการบรรเทาการอักเสบ การประคบเย็น สามารถใช้ถุงน้ำแข็งหรือเจลเย็นใส่บริเวณที่เจ็บ ทำเป็นรอบๆประมาณ 15-20 นาทีในช่วงกลางของวัน และซ้ำตามความจำเป็น
นอกจากนั้น ต้องพักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ และไม่ทำกิจกรรมหนักเกินไป เพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นตัวและหายขาดจากอาการปวดได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม
การใช้เทคนิคการฟื้นฟูกายภาพ
เทคนิคการฟื้นฟูกายภาพเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการปวดขาหนีบ คุณสามารถไปพบนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการดูแลและการฟื้นฟูกายภาพที่เหมาะสม นักกายภาพบำบัดจะช่วยแนะนำและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงการดูแลและบริหารกล้ามเนื้อในส่วนที่เจ็บของขาหนีบ
แนวทางการป้องกันอาการปวดขาหนีบ
เพื่อลดความเสี่ยงในการเจ็บโคนขาหนีบและรักษาสุขภาพของขาหนีบอย่างเหมาะสม ตามนี้คือแนวทางการป้องกันที่คุณสามารถติดตามได้:
การออกกำลังกายเสริมความแข็งแรง
การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันอาการปวดขาหนีบ รวมถึงการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา คุณควรเลือกท่าและกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับคุณ เช่น การวิ่งเหยาะโจน การเดินเร็ว หรือการเล่นกีฬาที่ออกแรงขา นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้อุปกรณ์ต่อต้านแรงเสียดทานของข้อที่มีผลดีในการป้องกันอาการเจ็บโคนขาหนีบ
วิธีการยืดเหยียดข้อเพื่อป้องกัน
การยืดเหยียดข้อเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เนื่องจากข้อที่ยืดเหยียดให้ดีมีความพร้อมที่จะรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นโดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ คุณสามารถศึกษาเกี่ยวกับวิธีการยืดเหยียดข้อที่เหมาะสมสำหรับขาหนีบและใช้รูปแบบการยืดเหยียดที่ถูกต้อง
วิธีการดูแลเจ็บโคนขาหนีบด้วยตนเอง
เจ็บโคนขาหนีบ เป็นภาวะที่มีความเจ็บปวดและอาการไม่สะดวกในการเคลื่อนไหวของขา เพื่อให้ตัวคุณหายเจ็บและฟื้นฟูอาการในขาหนีบได้ให้ดีขึ้น คุณสามารถดูแลและปฐมพยาบาลเองได้ดังนี้:
- การนั่งพักและพยุงเท้า: เมื่อรู้สึกเจ็บ คุณสามารถนั่งพักและพยุงเท้าเพื่อเบาบรรเทาอาการ
- การใช้น้ำแข็งหรือเจลแพ็คเย็น: คุณสามารถใช้น้ำแข็งหรือเจลประคบเย็นพันรอบขาหนีบเพื่อลดการบวมและแก้ไขอาการปวด
- การทายาแก้ปวด: อาจมีการแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดที่รับประทานได้เพื่อบรรเทาอาการ
- การยืด วอร์มร่างกายก่อนแข่งขัน: การทำการออกกำลังกายที่ถูกต้องและการเตรียมตัวอย่างเหมาะสมก่อนการแข่งขันสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บโคนขาหนีบ
การดูแลเจ็บโคนขาหนีบนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะการดูแลที่ถูกวิธีจะช่วยให้คุณฟื้นฟูและกลับมากล้าวในกิจกรรมปกติได้เร็วขึ้น
วิธีการดูแลเจ็บโคนขาหนีบ | การปฏิบัติ |
---|---|
การนั่งพักและพยุงเท้า | นั่งพักเมื่อรู้สึกเจ็บและพยุงเท้าเพื่อเบาบรรเทาอาการ |
การประคบน้ำแข็งหรือเจลเย็น | ใช้น้ำแข็งหรือเจลเย็นพันรอบขาหนีบเพื่อลดการบวมและอาการปวด |
การทายาแก้ปวด | ใช้ยาแก้ปวดที่รับประทานได้ตามคำแนะนำของแพทย์ |
การออกกำลังกายก่อนแข่งขัน | ฝึกออกกำลังกายและเตรียมตัวก่อนการแข่งขันเพื่อลดความเสี่ยงในการเจ็บโคนขาหนีบ |
สรุป
การเจ็บโคนขาหนีบเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเคลื่อนไหวร่างกายและกีฬาที่กระทบต่อขาหนีบ และภาวะกล้ามเนื้อขาหนีบอ่อนแรง
สาเหตุอื่น ๆ รวมถึงการบาดเจ็บจากกิจกรรมกีฬาหรือภาวะการยืดหรือฉีกขาดของเอ็น สำหรับผู้หญิงที่ทำกิจกรรมหรือการเคลื่อนไหวที่มีการกดขาหนีบอย่างสม่ำเสมอ
หากมีอาการปวดขาหนีบ ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม วิธีการดูแลอาจการใช้เทคนิคการฟื้นฟูกายภาพและการป้องกันอาการปวดขาหนีบในอนาคต
FAQ
เจ็บโคนขาหนีบในผู้หญิงเกิดขึ้นได้อย่างไร
เจ็บโคนขาหนีบในผู้หญิงสามารถเกิดขึ้นได้จากการกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกายหรือฝึกซ้อมที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อขาหนีบอย่างเน้นๆ ตัวอย่างเช่น การขึ้นบันไดรั้วหรือการเล่นกีฬาที่เร็ว เช่น ฟุตบอล และแบตมินตัน อีกทั้งยังมีภาวะกล้ามเนื้อขาหนีบอ่อนแรงส่วนใหญ่เกิดในผู้หญิง
ขาหนีบ คืออะไร
ในกายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์ ขาหนีบหรือที่เรียกว่าบริเวณขาหนีบหรือบริเวณอุ้งเชิงกราน เป็นบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างลำตัวและต้นขา ขาหนีบอยู่ที่ด้านหน้าของร่างกายทั้งสองข้างของหัวหน่าว โดยที่ส่วนล่างของผนังช่องท้องบรรจบกับต้นขา รอยพับหรือรอยพับเกิดขึ้นที่ทางแยกนี้เรียกว่าร่องขาหนีบหรือรอยพับ นี่เป็นบริเวณช่องตรงกลางของต้นขาที่มีสิ่งที่แนบมาของกล้ามเนื้อ adductor ของสะโพกหรือกล้ามเนื้อขาหนีบ
สาเหตุเจ็บโคนขาหนีบเกิดจากอะไร
สาเหตุที่เจ็บโคนขาหนีบสามารถมีหลายอย่างได้ รวมถึงการกีฬาหรือกิจกรรมที่เร่งรีบและการยืดหรือฉีกขาดของเอ็นเช่นเดียวกัน
ปวดขาหนีบเกิดจากสาเหตุใด
ปวดขาหนีบอาจเกิดจากการบาดเจ็บในการกีฬาหรือภาวะการยืดหรือฉีกขาดของเอ็น
ปวดขาหนีบเป็นสัญญาณของโรคอะไรได้บ้าง
ปวดขาหนีบอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ เช่น โรคไส้เลื่อนและการอักเสบของกล้ามเนื้อ
วิธีรักษาอาการปวดขาหนีบมีอย่างไร
วิธีรักษาอาการปวดขาหนีบสามารถทำได้โดยการประคบเย็นและการใช้เทคนิคการฟื้นฟูกายภาพ
แนวทางการป้องกันอาการปวดขาหนีบมีอย่างไร
แนวทางในการป้องกันอาการปวดขาหนีบรวมถึงการออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงและวิธีการยืดเหยียดข้อเพื่อป้องกัน
ลิงก์ที่มา
- https://www.rehabcareclinic.com/blog/ปวดขาหนีบ-ทำอย่างไรดี
- https://www.samitivejchinatown.com/th/health-article/groin-pain
- https://www.physio-network.com/blog/hip-groin-assessment/