หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Lumbar disc herniation)
เป็นภาวะที่พบได้บ่อย ซึ่งมักส่งผลต่อกระดูกสันหลัง (Spine) ในผู้ป่วยวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคน หมอนรองกระดูก (Intervertebral disc) บริเวณเอวเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อน ประกอบด้วยคอลลาเจน (Collagen), โปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan), และเซลล์ไฟโบรคอนโดรไซต์ (Fibrochondrocytes) จำนวนน้อย ซึ่งมีหน้าที่ในการกระจายแรงที่กระทำต่อกระดูกสันหลัง เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ไฟโบรคอนโดรไซต์ในหมอนรองกระดูกจะเสื่อมสภาพ และการผลิตโปรตีโอไกลแคนจะลดลง ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดการยุบตัวของหมอนรองกระดูก (Disc collapse) ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเส้นใยของแอนนูลัส ไฟโบรซัส (Annulus fibrosus) ที่ล้อมรอบหมอนรองกระดูก การฉีกขาด (Annular tear) และเกิดรอยแยกในแอนนูลัสอาจเกิดขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวออกมา หากมีแรงเพียงพอที่กระทำต่อหมอนรองกระดูก นอกจากนี้ การใช้แรงทางชีวกลศาสตร์ (Biomechanical force) ขนาดใหญ่ที่กระทำต่อหมอนรองกระดูกที่ยังแข็งแรงปกติ อาจทำให้เกิดการเคลื่อนของหมอนรองกระดูกได้ในกรณีที่เส้นใยแอนนูลาร์ล้มเหลว
คำศัพท์ที่ควรทราบ
- หมอนรองกระดูก (Intervertebral disc) – โครงสร้างที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกและให้ความยืดหยุ่นแก่กระดูกสันหลัง
- กระดูกสันหลัง (Spine/Vertebrae) – โครงสร้างกระดูกที่ประกอบกันเป็นแกนกลางของร่างกาย ปกป้องไขสันหลังและช่วยในการเคลื่อนไหว
- โปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) – สารประกอบที่อยู่ในเนื้อเยื่อของหมอนรองกระดูก มีบทบาทในการรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของหมอนรองกระดูก
- คอลลาเจน (Collagen) – โปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของหมอนรองกระดูก ทำให้หมอนรองกระดูกมีความแข็งแรงและทนทาน
- ไฟโบรคอนโดรไซต์ (Fibrochondrocytes) – เซลล์ที่พบในหมอนรองกระดูก ทำหน้าที่ผลิตสารโปรตีน เช่น คอลลาเจนและโปรตีโอไกลแคน เพื่อรักษาโครงสร้างและหน้าที่ของหมอนรองกระดูก
- แอนนูลัส ไฟโบรซัส (Annulus fibrosus) – ชั้นนอกของหมอนรองกระดูก ทำจากเนื้อเยื่อที่แข็งแรง ช่วยป้องกันการเคลื่อนตัวของเนื้อเยื่อภายในหมอนรองกระดูก
- การฉีกขาดของแอนนูลัส (Annular tear) – การแตกหรือฉีกขาดของเส้นใยรอบหมอนรองกระดูก อาจนำไปสู่ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
- การยุบตัวของหมอนรองกระดูก (Disc collapse) – ภาวะที่หมอนรองกระดูกสูญเสียความสูงและความชุ่มชื้น ส่งผลให้โครงสร้างของกระดูกสันหลังรับแรงมากขึ้น
- แรงทางชีวกลศาสตร์ (Biomechanical force) – แรงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวหรือการรับน้ำหนักของร่างกาย ที่ส่งผลกระทบต่อกระดูกและหมอนรองกระดูก
- ไขสันหลัง (Spinal cord) – กลุ่มเส้นประสาทที่อยู่ภายในกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่ส่งสัญญาณประสาทระหว่างสมองและร่างกาย
วิธีการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
บทความเรื่อง “การรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท: การปฏิบัติที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์” ได้อธิบายวิธีการรักษาต่าง ๆ สำหรับการจัดการกับภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยเน้นทั้งการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมและการผ่าตัด วิธีการรักษาที่สำคัญตามบทความมีดังนี้:
- กายภาพบำบัด: ประกอบด้วยการออกกำลังกายที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและเพิ่มความยืดหยุ่น กายภาพบำบัดมักเป็นแนวทางการรักษาเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดร้าวเนื่องจากภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
- ยาแก้ปวด: การใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน หรือทรามาดอล แนะนำให้ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวด ในกรณีที่ปวดรุนแรงอาจใช้ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์เบา
- การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาท: การฉีดยานี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมหลังจากระยะเวลาสั้น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
- การพักผ่อน: แนะนำให้พักผ่อนระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการปวดเฉียบพลัน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว
การจัดการ (Management)
การจัดการเริ่มแรกควรรวมถึงการพักผ่อนตามคำแนะนำ การทำกายภาพบำบัด และการใช้ยาแก้ปวดอย่างเหมาะสม ในกรณีส่วนใหญ่ อาการปวดร้าวมักจะบรรเทาหรือหายไปภายใน 6 สัปดาห์ หากอาการยังคงอยู่ สามารถพิจารณาการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาทได้ ผู้ป่วยที่มีอาการต่อเนื่องเกิน 6 สัปดาห์ และมีการตรวจพบความผิดปกติของหมอนรองกระดูกจาก MRI ก็อาจเป็นผู้ที่ควรได้รับการส่งต่อเพื่อพิจารณาการผ่าตัด
การประเมินผล (Assessment)
การประเมินผลโดยแพทย์ทั่วไปจะประกอบด้วยการสอบถามประวัติของผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบการเริ่มต้นของอาการและความเปลี่ยนแปลงของอาการ การประเมินควรมุ่งเน้นที่การตรวจสอบอาการที่เกี่ยวข้องกับหลังโดยตรง รวมถึงอาการปวดร้าวแท้จริง (เช่น อาการปวดที่ร้าวไปถึงใต้เขาของขาข้างที่ได้รับผลกระทบ) แพทย์ทั่วไปต้องทำการประเมินทางระบบประสาทเพื่อพิจารณาว่ามีความบกพร่องทางการรับรู้หรือการเคลื่อนไหวหรือไม่ ผู้ป่วยที่มีประวัติอาการชาบริเวณขาหนีบจำเป็นต้องได้รับการตรวจบริเวณฝีเย็บและการตรวจทางทวารหนักเพื่อประเมินการสูญเสียการรับรู้และ/หรือการเกี่ยวข้องของกล้ามเนื้อหูรูด
การทดสอบการยกขาตรงและการทดสอบ Slump ซึ่งอธิบายโดย Majlesi และคณะ ก็เป็นวิธีการที่มีประโยชน์เช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าผลบวกที่แท้จริงของการทดสอบยกขาตรงควรทำให้อาการปวดร้าวของผู้ป่วยกลับมา โดยเฉพาะอาการร้าวที่ลงไปถึงใต้เขาของขาข้างที่ได้รับผล
ประเภทของการบำบัดในกายภาพบำบัดสำหรับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
บทความเรื่อง “การรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท: การปฏิบัติที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์” กล่าวถึงบทบาทของกายภาพบำบัด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในวิธีการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมสำหรับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท นี่คือตัวอย่างของการบำบัดเฉพาะทางที่อาจรวมอยู่ในกายภาพบำบัดสำหรับภาวะนี้:
การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching Exercises): การออกกำลังกายเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่อยู่รอบกระดูกสันหลัง การยืดกล้ามเนื้อช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มการเคลื่อนไหว
การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ (Strengthening Exercises): การออกกำลังกายที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางและกล้ามเนื้อหลังเป็นสิ่งจำเป็น กล้ามเนื้อแกนกลางที่แข็งแรงจะช่วยรองรับกระดูกสันหลังและป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติม
การบรรเทาอาการปวด (Pain Relief Modalities): กายภาพบำบัดอาจรวมถึงวิธีการต่าง ๆ ในการบรรเทาอาการปวด เช่น:
- อัลตราซาวด์บำบัด (Ultrasound Therapy): ใช้คลื่นเสียงเพื่อส่งเสริมการรักษาเนื้อเยื่อและลดการอักเสบ
- การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า (Electrical Stimulation): เทคนิคเช่น TENS (Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation) ช่วยจัดการกับความเจ็บปวดโดยการกระตุ้นเส้นประสาท
- การประคบร้อนและเย็น (Heat and Cold Therapy): การประคบร้อนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ในขณะที่การประคบเย็นช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
การบำบัดด้วยมือ (Manual Therapy): รวมถึงเทคนิคการใช้มือในการเคลื่อนไหวและจัดการกระดูกสันหลังและเนื้อเยื่อรอบ ๆ เพื่อปรับปรุงการเคลื่อนไหวและลดอาการปวด
การให้ความรู้และการจัดท่าทาง (Education and Ergonomics): นักกายภาพบำบัดมักให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ร่างกายอย่างถูกต้องและการจัดท่าทางที่ดี เพื่อช่วยผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่อาจทำให้อาการแย่ลง
การรักษาด้วยการผ่าตัด
- การผ่าตัดหมอนรองกระดูก (Lumbar Discectomy): การผ่าตัดนี้คือการนำเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทออก บทความชี้ให้เห็นว่าการผ่าตัดอาจช่วยบรรเทาอาการได้รวดเร็วกว่าและฟื้นฟูการทำงานของร่างกายได้ไวกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- ข้อบ่งชี้สำหรับการผ่าตัด: การผ่าตัดมักจะพิจารณาเมื่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัด มล้มเหลวหลังจาก 6 สัปดาห์ หรือเมื่อผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น มีความบกพร่องทางระบบประสาทที่เพิ่มขึ้น มีอาการชาบริเวณก้น หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมการขับถ่าย
ประเภทของการผ่าตัด:
การผ่าตัดที่พบบ่อยที่สุดสำหรับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคือการผ่าตัดนำหมอนรองกระดูก (Lumbar Discectomy) การผ่าตัดนี้เป็นการนำส่วนของหมอนรองกระดูกที่กดทับรากประสาทหรือไขสันหลังออก เป้าหมายคือการบรรเทาอาการปวดและฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย
ผลลัพธ์ของการผ่าตัด:
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการผ่าตัดอาจช่วยบรรเทาอาการได้เร็วขึ้นและทำให้ผู้ป่วยกลับมาทำกิจกรรมได้ไวกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาแบบอนุรักษ์นิยม อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ระยะยาวดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงกันทั้งในการรักษาแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด การวิเคราะห์ระยะเวลา 4 ปีจากการศึกษา Spine Patient Outcomes Research Trial (SPORT) พบว่าการผ่าตัดมีข้อได้เปรียบด้านการบรรเทาอาการปวดและความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ยังคงอยู่ตลอดเวลา
ผลการวิจัยนี้ สรุปได้ว่า ทั้งการรักษาแบบอนุรักษ์และการผ่าตัดเป็นตัวเลือกที่ใช้ได้สำหรับการรักษาอาการปวดร้าวที่เกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การมีข้อบกพร่องในวิธีการวิจัยทำให้ผลกระทบที่การทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม (RCTs) ที่เผยแพร่ออกมาสามารถมีต่อการแนะนำการปฏิบัติทางคลินิกสำหรับภาวะนี้ถูกจำกัด การผ่าตัดอาจช่วยบรรเทาอาการได้เร็วขึ้นและช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาทำกิจกรรมได้ไวขึ้น แม้ว่าในระยะยาวผลลัพธ์จะมีความคล้ายคลึงกันไม่ว่าจะเป็นการรักษาประเภทใดก็ตาม การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับประเภทการรักษาควรขึ้นอยู่กับการหารือระหว่างศัลยแพทย์และผู้ป่วย โดยพิจารณาจากข้อบ่งชี้การผ่าตัดที่เหมาะสม ระยะเวลาอาการ และความต้องการของผู้ป่วย
Reference:
Treatment of lumbar disc herniation: Evidence-based practice
Andrew J Schoenfeld1 Bradley K Weiner2
1Department of Orthopedic Surgery, William Beaumont Army Medical Center,TexasTech University Health Sciences Center, El Paso, TX, USA; 2Weill Cornell Medical College and The Methodist Hospital, Houston, TX, USA