การรักษาด้วยการดึงคอหรือหลัง ด้วยเครื่องอัตโนมัติ
การบำบัดโดยการดึงคอและหลัง เป็นการบำบัดรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก ข้อต่อหลัง กล้ามเนื้อ เพื่อลดแรงกดของตัวกระดูกสันหลังที่อาจไปกดทับเส้นประสาทจนทำให้เกิดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีความเสื่อมหรือมีความผิดปกติของกระดูกสันหลังในระดับคอและหลัง, กระดูกสันหลังเคลื่อนระดับเอวและสะโพกระดับน้อย (Lumbosacral spondylolisthesis grade I-II), โรคข้อกระดูกเสื่อมของกระดูกสันหลัง(Spondylosis) ซึ่งมีอาการปวดหรือเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณหลังร่วมด้วย ยกเว้นผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกสันหลังหัก โดยหลักการทำงาน คือใช้การดึงเพื่อลดการกดทับเส้นประสาท หรือเพิ่มการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง โดยใช้ระยะเวลาในการดึงหลังหรือคอประมาณ 15 -20 นาที โดยนักกายภาพบำบัดเป็นผู้กำหนดท่าดึงและน้ำหนักที่ใช้ในการดึง
ประโยชน์ของการรักษาด้วย Traction Therapy
การดึงคอและหลัง เป็นการรักษาโดยการยืดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิคทางกายภาพบำบัด ซึ่งจะสามารถลดแรงกดทับที่บริเวณหมอนรองกระดูกสันหลัง เส้นประสาท เพิ่มการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง ลดแรงกดทับบนไขสันหลังและความยืดหยุ่นได้ ช่วยคลายกล้ามเนื้อกระตุกและตึง ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อบริเวณนั้น อีกทั้งช่วยทำให้เพิ่มการเลือดไหลเวียนในบริเวณข้อต่อที่เกิดปัญหา เนื่องจากเลือดช่วยพาน้ำ สารอาหาร และออกซิเจนไปสู่บริเวณหมอนรองกระดูก อาการจึงสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น การบำบัดประเภทนี้ถือว่า เป็นการบำบัดที่ช่วยดึงกระดูกสันหลังให้เข้าที่บริเวณหมอนรองกระดูก การบำบัดเพื่อลดแรงกดทับด้วยการดึงหลังนี้ มักใช้การรักษาอาการปวดหลัง ปวดคอ โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม และอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับข้อต่อ และเส้นประสาทบริเวณกระดูกสันหลังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากเส้นประสาทที่ถูกกดทับ
Traction Therapy เหมาะสำหรับใครบ้าง
- หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
- กระดูกสันหลังตีบ
- อาการปวดสะโพก
- กระดูกสันหลังตีบ
- ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด
- บรรเทาอาการเจ็บปวด
ขั้นตอนการดึงหลัง
-
การเตรียมผู้ป่วย: ผู้ป่วยจะถูกนั่งหรือนอนบนเตียงแบบพิเศษ ที่ทำมาสำหรับการดึงหลังโดยเฉพาะ สามารถเลื่อน และล๊อก เพื่อช่วยในการเปิดระยะห่างระหว่างข้อต่อสันหลังได้ โดยจัดให้นอนในท่าที่สะดวกสบาย และใส่เข็มขัดรัดช่วงตัวเพื่อให้ล๊อกกับสลิงของเครื่องดึงอัตโนมัติได้อย่างมั่นคง
-
การตั้งค่าเครื่อง: ผู้ให้บริการทางการแพทย์หรือผู้ดูแลจะตั้งค่าเครื่องตามคำแนะนำของแพทย์ รวมถึงการตั้งค่าระดับแรงดึงและระยะเวลาของการดึง โดยการคำณวนน้ำหนักดึง มักจะคิดค่าน้ำหนักของการดึงหลัง ที่ 50% ของน้ำหนักตัวคนไข้ ในส่วนของการดึงบริเวณช่วงคอ จะคิดที่ 12 – 20% ของน้ำหนักตัวคนไข้ ขึ้นกับการพิจารณาของนักกายภาพบำบัด
-
การดำเนินการ: เมื่อเครื่องเสริมถูกตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยจะให้เครื่องเริ่มการดึงหลัง โดยเครื่องอาจใช้การดึงแบบต่อเนื่องหรือดึงแบบแบ่งช่วง ตามคำแนะนำของแพทย์ การดึงหลังด้วยเครื่องอัตโนมัติ จะสามารถผ่อนและดึงได้อย่างนิ่มนวล
-
การติดตามและประเมิน: ทีมแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด จะติดตามและประเมินสถานะของผู้ป่วยในระหว่างการดึง โดยอาจปรับแก้ระดับแรงดันหรือระยะเวลาการดึงตามความสบายของผู้ป่วย
-
การหยุดการดึง: เมื่อระยะเวลาหรือระดับแรงดันการดึงหลังได้ถึงตามที่กำหนด ผู้ดูแลหรือผู้ให้บริการทางการแพทย์จะหยุดการดึงและช่วยผู้ป่วยกลับสู่ท่าที่ปกติ
-
การตรวจสอบผลลัพธ์: หลังจากการดึงหลังเสร็จสิ้น แพทย์หรือผู้ดูแลจะตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้รับจากการดึง และสามารถประเมินผลในการรักษาต่อไป
-
การติดตามและการรักษาเพิ่มเติม: แพทย์หรือผู้ดูแลจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังการดึง และอาจแนะนำการรักษาเพิ่มเติม เช่น การฝึกท่าทางที่ถูกต้อง การดำเนินการกายภาพบำบัด หรือการใช้ยาต้านการตึงกล้ามเนื้อ
ประเภทของ Traction Therapy
การดึงแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Cervical Traction หรือการดึงกระดูกสันหลังส่วนคอ และ Lumbar Traction หรือการดึงกระดูกสันหลังส่วนเอว. วัตถุประสงค์ของทั้ง 2 ประเภทคือช่วยยืดกล้ามเนื้อ. นอกจากนี้ยังลดแรงกดที่กดต่อข้อต่อและเส้นประสาทด้วย.
Cervical Traction หรือการดึงกระดูกสันหลังส่วนคอ
การใช้ Cervical Traction ช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ. มันลดแรงกดที่ซ้ำซ้อนกับหมอนรองกระดูกสันหลังด้วย. จะช่วยขยายช่องว่างระหว่างกระดูก. ทำให้ดูแลอาการเกร็งของกล้ามเนื้อที่คอและหลังได้ดี.
Lumbar Traction หรือการดึงกระดูกสันหลังส่วนเอว
Lumbar Traction ช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ. มันยังช่วยแยกข้อต่อ. ควรใช้เป็นเวลา 20-40 นาที อย่างไรก็ตาม, ต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ.
เช่น การตั้งครรภ์ หรือชนิดของหมอนรองกระดูกสันหลัง. และควรสนใจถึงภาวะที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว.
การดึงหลังโดยใช้ automatic traction therapy ควรทำโดยผู้ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ เพื่อป้องกันอันตรายและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ก่อนที่จะทำการดึงหลังควรปรึกษาแพทย์หรือผู้ให้บริการทางการแพทย์ให้เห็นด้วย โดยเฉพาะหากผู้ป่วยมีประวัติการบาดเจ็บหรือภาวะทางการแพทย์อื่นที่อาจทำให้การดึงหลังเป็นอันตรายได้